เกิดเหตุฉุกเฉินบนทางด่วนต้องทำอย่างไร?
หลายคนคงจะรู้วิธีรับมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินบนถนนกันมาบ้างแล้ว แต่ถ้าเป็นเหตุฉุกเฉินบนทางด่วนล่ะ จะต้องทำอย่างไร ไม่ว่าจะรถเสีย หรือเกิดอุบัติเหตุ จะมีวิธีการรับมือต่างกับบนท้องถนนปกติอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
เปิดไฟฉุกเฉิน
หากเกิดเหตุฉุกเฉินบนทางด่วน สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือเปิดไฟฉุกเฉินในทันที เพื่อเป็นสัญลักษณ์บอกเพื่อนร่วมทางว่ารถของคุณกำลังมีปัญหา รถที่ขับมาบนทางด่วนปกติจะขับมาด้วยความเร็ว ไฟฉุกเฉินจะช่วยให้เพื่อนร่วมทางสังเกตเห็นว่ามีรถขัดข้องอยู่ข้างหน้า จะได้ชะลอความเร็วทัน และเป็นการขอความช่วยเหลืออีกด้วย หากเป็นเหตุฉุกเฉินที่สามารถแก้ไขได้เอง ก็อาจแก้ปัญหาได้ตอนนั้นเลย ก็จะมีเพื่อนร่วมทางที่หวังดีเปิดกระจกเพื่อสอบถาม และทำการช่วยเหลือกันและกันในเบื้องต้นได้
นำรถไปหลบที่ไหล่ทาง
เป็นหลักการเดียว กับการขับรถบนทางหลวงปกติเลย ที่ต้องนำรถที่เสียไปจอดที่ไหล่ทาง และด้วยความที่รถบนทางด่วนมักจะขับมาด้วยความเร็ว หลังจากเปิดไฟฉุกเฉินแล้ว ต้องรีบนำรถเข้าจอดที่ไหล่ทางในขณะที่รถยังขับได้อยู่ เนื่องจากบริเวณไหล่ทางเป็นบริเวณที่ปลอดภัย แต่ก็ต้องระวังเพื่อนร่วมทางบางคันที่ขาดจิตสำนึกขับรถในช่องไหล่ทาง เพราะฉะนั้นเมื่อจอดรถที่ไหล่ทางเรียบร้อยแล้ว ก็ยังต้องเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อเป็นสัญญาณให้เพื่อนร่วมทางด้วย
ควรรอความช่วยเหลือบนรถ
เมื่อเหตุฉุกเฉินบนทางด่วน และได้นำรถไปจอดที่ไหล่ทางเรียบร้อยแล้ว หากไม่มีความจำเป็นอย่าลงจากรถ ประการแรกก็เพื่อป้องกันคุณจากอันตรายที่เพื่อนร่วมทางไม่ทันได้เห็นคุณ ประกอบกับการขับรถมาด้วยความเร็ว ทำให้ชนคุณได้ ประการที่สองคือป้องกันคุณจากมิจฉาชีพในระหว่างที่คุณกำลังรอความช่วยเหลือ ให้ล็อกประตูรถขณะอยู่บนรถ เพื่อป้องกันการถูกมิจฉาชีพฉวยโอกาสปล้นทรัพย์สิน และที่สำคัญต้องรัดเข็มขัดนิรภัยด้วยเพราะถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อนร่วมทางขับมาชนคุณขึ้นมา จะช่วยบรรเทาการบาดเจ็บได้
โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ หรือใช้โทรศัพท์ฉุกเฉินบนทางด่วน
คุณสามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ที่เบอร์ 1543 โดยตรง ซึ่งเป็นเบอร์ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ก็จะช่วยประสานงานได้โดยตรง นอกจากนี้คุณยังโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น โทร 191 หรือหากมีการบาดเจ็บ ให้โทรไปที่เบอร์ 1669 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เพื่อขอรถพยาบาลมารับตัวผู้บาดเจ็บ
หากเกิดกรณีเหตุฉุกเฉินบนทางด่วนโทรศัพท์มือถือดันใช้การไม่ได้ ให้คุณมาใช้บริการตู้โทรศัพท์ฉุกเฉินเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ โทรศัพท์ฉุกเฉินจะประจำตามจุดต่าง ๆ ของไหล่ทาง โดยมีลักษณะเป็นโทรศัพท์สีส้ม เมื่อใช้บริการโทรศัพท์ฉุกเฉินเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คุณกลับมารอความช่วยเหลืออยู่บนรถเหมือนเดิม
โทรแจ้งบริษัทประกัน
เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินบนทางด่วน ก็อย่าลืมโทรแจ้งบริษัทประกันรถยนต์ พร้อมถ่ายรูปหลักฐานต่าง ๆ เพื่อยื่นเคลม หรือหากเป็นกรณีที่รถเสีย ประกันรถยนต์อาจมีบริการรถยกให้คุณ คุณจะได้ไม่ต้องโทรขอความช่วยเหลือ ให้โทรไปที่บริษัทประกันโดยตรงเพื่อขอความช่วยเหลือ และขอเคลมรถได้ในทีเดียว แต่ทั้งนี้ให้คุณลองตรวจสอบประกันรถยนต์ที่คุณทำอยู่นั้นว่ามีบริการนี้หรือไม่
วิธีรับมือกับเหตุฉุกเฉินบนทางด่วนที่ได้แนะนำไปในข้างต้น หากคุณไม่ใช่ผู้ประสบเหตุแต่เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ ก็สามารถใช้วิธีเหล่านี้ช่วยเพื่อนร่วมทางได้ เช่น ช่วยโทรไปยังเบอร์ 1543 เพื่อช่วยแจ้งเหตุที่เกิดบนทางด่วนได้อีกแรง และที่สำคัญหนึ่งสิ่งที่จะช่วยคุณได้ดีหากเกิดเหตุฉุกเฉินบนทางด่วน คือการทำประกันรถยนต์ ที่ไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรก็พร้อมที่จะช่วยคุณ ด้วยประกันรถยนต์ชั้น 2+ จาก Rabbit Care ให้คุณยิ้มได้เมื่อภัยมา กับสิทธิพิเศษเฉพาะคุณที่ทำประกันรถยนต์กับ Rabbit Care เท่านั้น บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ได้แก่ บริการรถยก เปลี่ยนยาง ขนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน เป็นต้น พร้อมช่วยเหลือคุณเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง เข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://rabbitcare.com/car-insurance/type2-plus